
SCC ประกาศงบพรุ่งนี้ โบรกฯคาดกำไร Q2ราว 8.6-9.2 พันลบ.
SCC ประกาศงบพรุ่งนี้ โบรกฯคาดกำไร Q2ราว 8.6-9.2 พันลบ. , มี Upside นำ SCGP เข้าตลท.
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC จะประกาศงบการเงินในงวดไตรมาส 2/63 ในวันพรุ่งนี้ โบรกเกอร์คาดจะมีกำไรอยู่ที่ 8.6-9.2 พันล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาสแรก โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจเคมิคอลส์ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากการนำ SCGP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทำธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะนำซื้อหุ้น SCC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 400 บาทต่อหุ้น คาดกำไรไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 9,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ แรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจเคมิคอลส์ สเปรดที่ดีขึ้น และปริมาณขายที่คาดจะสูงขึ้น 475,000 ตัน เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสแรก เนื่องจากความต้องการที่ยังดี จีนกลับมาสั่งซื้อมากขึ้น
และ บวกเพิ่มจากสต็อกที่สะสมไว้ในไตรมาสแรกปีนี้ เพื่อเตรียมไว้รองรับตอนปิดซ่อมบำรุงแต่เลื่อนไปไตรมาส 4/63 แต่จะถูกฉุดด้วยขาดทุนในสต็อกเล็กน้อยประมาณ 600 ล้านบาท รวมแล้วเราคาดกำไรธุรกิจเคมิคัอลส์ 4,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านเงินปันผลจากค่ายรถยนต์ และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในรถเทรกเตอร์ คาดจะทรุดลง 20-30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ธุรกิจปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบภาคการก่อสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย และ พาณิชย์ แต่การก่อสร้างภาครัฐบาลจะเติบโต หลังงบประมาณปี 2563 ผ่าน และ เดือน เม.ย. ปีนี้ไม่ได้หยุดยาว เช่นปีก่อน ทำให้รวมแล้วความต้องการปูนซีเมนต์ไตรมาส 2/63 จะทรงตัวได้ ในขณะที่ความสามารถทำกำไรยังทำได้ดี จาก SCC ขายสินค้าพร้อมบริการ บวกด้วยโซลูซั่น มีเครือข่ายเอเย่นต์ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่โมเดิร์นเทรดอื่นปิดสาขาชั่วคราวช่วงโควิด-19 ระบาด
ธุรกิจแพคเกจจิ้ง คาดจะเติบโตได้บ้าง จากความต้องการผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการบริโภคที่เติบโตได้ดีในช่วงที่โควิด-19 ระบาด แม้ว่าผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์สินค้าคงทนจะหดตัว โดยความสามารถทำกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากแหล่งวัตถุดิบเศษกระดาษในประเทศต้นทุนต่ำ มีเครือข่ายรับซื้อเศษกระดาษทั่วอาเซียน ให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร เ
**แนวโน้มปี 2563 คาดจะติดลบเล็กน้อย
ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก กระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ และ ห่วงโซ่อุปทาน แต่ผลประกอบการของ SCC มีความยืดหยุ่น รับสถานการณ์ได้ดี ทำให้คาดกำไรปีนี้จะติดลบเพียงเล็กน้อย โดยผลประกอบการครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงจากไตรมาสไตรมาส 2/63 เนื่องจากธูรกิจปิโตรเคมี ปัจจุบันสเปรด HDPE – Naphtha ลดลงเล็กน้อยเหลือ 482 เหรียญ/ตัน เทียบกับ เฉลี่ยในไตรมาส ไตรมาส 2/63 เท่ากับ 491 เหรียญ/ตัน จากต้นทุน Naphtha ที่ปรับขึ้น แต่ที่ระดับน้ำมันต่ำกว่า 50 เหรียญ/บาร์เรล SCC ซึ่งใช้ Naphtha เป็นวัตถุดิบ ยังมีความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึง SCC ขายสินค้าประเภท HVA 33% ช่วยเพิ่มสเปรดอีก 100-150 เหรียญ/ตัน
ทั้งนี้แผนการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน MOC เป็นเวลา 45 วัน ใน 4Q63 ทำให้ SCC ต้องเก็บสต็อกในไตรมาส 3/63 ไว้กระจายขายในไตรมาส 4/63 ซึ่งจะทำให้กำไรครึ่งปีหลังชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/63 ส่วนธุรกิจแพคเกจจิ้ง ยังเป็นธุรกิจที่เด่น จากการขยายตัวของ e-Commerce และ สินค้าอุปโภคบริโภค โดยความสามารถทำกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากแหล่งวัตถุดิบเศษกระดาษในประเทศต้นทุนต่ำ มีเครือข่ายรับซื้อเศษกระดาษทั่วอาเซียน ให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในช่วงที่เหลือของปี คาดจะได้แรงหนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 2563 หลังจากที่ล่าช้ามานาน ช่วยคานภาวะหดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และ พาณิชย์
ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อหุ้น SCC ให้ราคาเป้าหมายที่ 400 บาทต่อหุ้น
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน คาดว่า SCC ในไตรมาส 2/63 จะมีกำไรสุทธิ 8,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสแรกปีนี้ โดยมองว่าผลกระทบจากโควิด-19 น้อยกว่าคาด แต่หากตัดรายการพิเศษจะมีกำไรปติอยู่ที่ 8,297 ล้านบาท ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และทรงตัวจากไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งปริมาณการขายปูนซีเมนต์มองว่าจะดีกว่าคาด แต่ธุรกิจปิโตรเคมียังมีอัตรากำไรลดลง ขณะที่ในส่วนของรายได้เงินปันผลลดลงจากผลกระทบโควิด-19
ส่วนกำไรปกติในไตรมาส 3/63 คาดว่าจะอยู่ที่ 6,700 ล้านบาท ลดลง 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 19% จากไตรมาส 2/63 เนื่องจากแรงฉุดของธุกริจปิโตรเคมีที่คาดปริมาณขายลดลงจากเตรียมสต็อกเผื่อการขายในไตรมาส 4/63 ทีทมีการปิดซ่อม และอัตรากำไรลดลงจากซัพพบายใหม่ทั้ง PE และ PP เข้ามากดดันในครึ่งหลังปีนี้ ในขณะที่ความต้องการยังไม่ฟื้นตัวเร็ว
ฝ่ายวิจัยโนมูระ พัฒนสิน ให้น้ำหนักหุ้น SCC ที่ Neutral และให้ราคาเป้าหมายกลางปีหน้าที่ 362 บาทต่อหุ้น โดยมองกำไรไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มเป็นจุดสูงสุดของปี ก่อนชะลอลงในครึ่งหลังปีนี้ มองปัจจัยหนุนมีเพียงประเด็นการนำหุุ้น SCGP เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงแนะนำถือ เพื่อรอรับเงินปันผล โดยผู้ที่อยากสะสมเพิ่มมองมีโอกาสในช่วงที่ราคาอ่อนตัวจากแรงกดดันกำไรในครึ่งปีหลัง
ราคาหุ้น SCC ปิดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 382 บาท ลบ 6 บาท หรือ 1.55% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 474.74 ล้านบาท